แนะนำ 35 อาหารญี่ปุ่นยอดนิยม ที่ต้องลองทานสักครั้ง

ญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศแห่งอาหาร ที่เต็มไปด้วยของกินอร่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูยอดฮิตหรือเมนูประจำท้องถิ่นที่ยังไม่ค่อยมีใครรู้จัก การได้ลิ้มลองอาหารที่ผ่านการทำอย่างตั้งใจและพิถีพิถันจะช่วยให้เราได้เปิดประสบการณ์การกินที่ไม่เหมือนใคร และอาจได้พบเจอรสชาติและวัตถุดิบใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้ลองที่ไหนมาก่อน
สารบัญ
-
01
-
02
-
03
-
04
-
05
-
06
-
07
-
08
-
09
-
10
-
11
-
12
-
13
-
14
-
15
-
16
-
17
-
18
-
19
-
20
-
21
-
22
-
23
-
24
-
25
-
26
-
27
-
28
-
29
-
30
-
31
-
32
-
33
-
34
-
35
ซูชิ (Sushi)
อาหารญี่ปุ่นอย่างแรกที่ทุกคนนึกถึงและต้องเคยลองทานสักครั้งในชีวิต ซูชิ คือข้าวที่ปั้นเป็นคำๆ ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู โป๊ะด้วยหน้าต่างๆ หรือที่ภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า เนตะ (Neta) ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นอาหารทะเลสดๆ อย่างเช่น เนื้อปลาชนิดต่างๆ ไข่หอยเม่น เนื้อสัตว์อื่นๆ เช่น กุ้ง หอย หมู หรือแม้แต่ผัก

เสน่ห์ของซูชิก็คือ ความสดของวัตถุดิบ โดยเฉพาะปลาและอาหารทะเล ที่ต้องสดใหม่มากๆ เพื่อให้ได้รสชาติที่ดีที่สุด นอกจากนี้การปั้นข้าว การแล่ปลา ไปจนถึงการจัดวางต้องอาศัยความพิถีพิถันและประสบการณ์ของเชฟ ทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้คนทานได้รสสัมผัสที่หลากหลายในคำเดียวทั้งจากความนุ่มของข้าว และความสดของหน้าซูชิ
ซูชิมีหลายประเภทมากๆ เช่น นิกิริซูชิ (Nigiri Sushi) ซูชิข้าวปั้นก้อนพอดีแบบที่เราคุ้นเคยกันดีที่สุด มากิซูชิ (Maki Sushi) ข้าวห่อสาหร่ายที่ม้วนเป็นแท่งยาวๆ แล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ชิราชิซูชิ (Chirashi Sushi) ซูชิที่วางปลาและอาหารทะเลต่างๆ ลงบนข้าวที่อยู่ในชาม อินาริซูชิ (Inari Sushi) ซูชิข้าวปั้นยัดในถุงเต้าหู้ทอดปรุงรสหวานๆ เค็มๆ เทมากิซูชิ (Temaki Sushi) ซูชิแบบกรวยที่ห่อด้วยมือ สามารถถือและทานได้ง่ายๆ
ราเมง (Ramen)
ราเมง อาหารญี่ปุ่นที่เป็นที่โปรดปรานของคนไทยไม่แพ้ซูชิ บะหมี่น้ำสไตล์ญี่ปุ่นเส้นเหนียวนุ่มราดด้วยน้ำซุปที่เคี่ยวจนได้ที่ โปะหน้าด้วยเครื่องต่างๆ ที่หลากหลายไปตามแต่ละพื้นที่หรือแต่ละร้าน ทำให้ราเมงแต่ละถ้วยมีรสชาติและเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร

เส้นราเมงมีหลายแบบมาก ทั้งเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหยิก หรือเส้นตรง เส้นส่วนใหญ่ทำมาจากแป้งสาลี น้ำ เกลือ และคันซุย (Kansui) ความหนา ความหยิก หรือความเหนียวนุ่มของเส้นราเมงก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ละร้านหรือแต่ละภูมิภาค รวมไปถึงท้อปปิ้งใส่มาบนราเมงห็มีความหลากหลาย ที่เป็นที่นิยมอย่างเช่น หมูชาชู ไข่ยางมะตูม สาหร่ายโนริ ลูกชิ้นปลา หน่อไม้ และต้นหอมซอย
หัวใจของราเมงอยู่ที่น้ำซุป น้ำซุปราเมงแต่ละชามใช้เวลาเคี่ยวเป็นชั่วโมงๆ หรือบางร้านเป็นวันๆ เลยก็มี ที่ทำเช่นนั้นก็เพื่อดึงรสชาติและกลิ่นหอมของน้ำซุปออกมาให้ได้มากที่สุด น้ำซุปราเมงหลักๆ ที่เป็นที่นิยม เช่น ซุปโชยุ (Shoyu) ซุปใสสีน้ำตาลอ่อน มีเบสเป็นซุปไก่หรือปลา ผสมกับซอสโชยุ ให้รสเค็มกลมกล่อม ซุปมิโสะ (Miso) ซุปสีขุ่นข้น มีกลิ่นหอมของเต้าเจี้ยวหมัก ให้รสเข้มข้น ซุปทงคตสึ (Tonkotsu) ซุปกระดูกหมูสีขาวขุ่นรสชาติกลมกล่อม ซุปเคี่ยวนานจนได้รสเข้มข้นและมีกลิ่นหอมมัน ซุปชิโอะ (Shio) หรือซุปเกลือใสๆ ที่มีเบสเป็นซุปไก่หรือปลา ให้รสชาติเค็มอ่อนๆ ทานแล้วรู้สึกสดชื่น
ซาชิมิ (Sashimi)
ซาชิมิ คือเนื้อปลาหรืออาหารทะเลสดๆ ที่ถูกหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เสิร์ฟโดยไม่มีข้าวปั้นมาด้วยเหมือนซูชิ เสน่ห์ของการทานซาชิมิคือการได้ลิ้มรสชาติและสัมผัสเนื้อสัมผัสของวัตถุดิบที่สดใหม่อย่างเต็มที่ ซาชิมิมักจะเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงง่ายๆ เช่น โชยุ, วาซาบิ, ขิงดอง หรือหัวไชเท้าฝอย เอาไว้เสริมรสชาติ หรือล้างปากระหว่างทานซาชิมิ เพื่อให้ได้สัมผสความสดและรสชาติของทะเลได้อย่างเต็มปากเต็มคำ

ปลาหรืออาหารทะเลที่นำมาทำซาชิมิต้องผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี และเก็บรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุด ส่วนวิธีการหั่นซาชิมิเรียกว่าเป็นศิลปะเฉพาะตัวเลยก็ว่าได้ โดยเชฟจะใช้มีดคมกริบในการหั่นเนื้อปลาแต่ละชิ้นให้ได้ขนาด ความหนา และรูปร่างที่พอดี เพื่อดึงรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุดออกมา ซึ่งเทคนิคการหั่นจะแตกต่างกันไปตามชนิดของปลา
เทมปุระ (Tempura)
เมนูที่นำอาหารทะเล ผัก หรือส่วนผสมอื่นๆ ที่นำมาชุบแป้งเทมปุระบางๆ แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนได้สีเหลืองทองและมีเนื้อสัมผัสที่กรอบ ฟู ไม่มันเยิ้ม เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มที่เรียกว่า เทนซึยุ (Tentsuyu) ซึ่งเป็นซอสโชยุผสมน้ำซุปดาชิและมิริน อาจใส่หัวไชเท้าขูดฝอยและขิงขูดฝอยลงไปด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ

เทมปุนะที่ดีจะดูที่แป้ง ที่ต้องบางเบาและกรอบฟู ไม่แข็งหรืออมน้ำมัน เชฟจะผสมแป้งอย่างรวดเร็ว และใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็ง เพื่อให้แป้งไม่จับตัวเป็นก้อนและไม่เกิดกลูเตนมากเทานไป ซึ่งเป็นเคล็ดลับที่ทำให้เทมปุระกรอบอร่อย นอกจากนี้ เทมปุระที่ดีจะต้องใช้วัตถุดิบที่สดใหม่และมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นกุ้ง ปลา ผักต่างๆ เช่น เห็ดหอม ฟักทอง รากบัว ใบชิโซะ หรือพริกหยวก วัตถุดิบแต่ละชนิดจะถูกหั่นและเตรียมอย่างพิถีพิถัน
ทงคัตสึ (Tonkatsu)
วิธีการทำทงคัตสึ คือนำเนื้อหมูไปชุบเกล็ดขนมปัง แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนได้สีเหลืองทอง เนื้อสัมผัสกรอบนอกนุ่มใน เสิร์ฟพร้อมซอสทงคัตสึรสเข้มข้น มักจะเสิร์ฟกะหล่ำปลีฝอยหั่นละเอียดไว้ตัดเลี่ยน กับข้าวสวยร้อนๆ เป็นเครื่องเคียงคู่กัน เกล็ดขนมปังที่ใช้ชุบจะหยาบและใหญ่กว่าเกล็ดขนมปังทั่วไป ทำให้เมื่อนำไปทอดแล้วจะได้เนื้อสัมผัสที่กรอบฟู เบา และไม่อมน้ำมัน เนื้อหมูข้างในก็ยังคงนุ่ม ชุ่มฉ่ำ

เนื้อหมูที่ใช้มักจะใช้เนื้อหมูส่วนสันนอก หรือโรสึคัตสึ (Rosu Katsu) ซึ่งเป็นส่วนที่เป็นมันแทรกอยู่เล็กน้อย ทำให้เนื้อนุ่ม ชุ่มฉ่ำ และมีรสชาติ หรือเนื้อหมูส่วนสันใน หรือฮิเระคัตสึ (Hire Katsu) ซึ่งเป็นส่วนที่ไม่มีไขมันหรือมีไขมันน้อย เนื้อจะนุ่ม เหมาะสำหรับคนที่ชอบเนื้อแน่นๆ ไม่ติดมัน ส่วนซอสทงคัตสึ เป็นซอสที่มีรสชาติเฉพาะตัว มักจะออกหวาน เค็ม เปรี้ยวเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมจากผลไม้และผักที่นำมาเคี่ยว เป็นคู่หูที่ขาดไม่ได้สำหรับทงคัตสึ ทำให้รสชาติสมบูรณ์แบบ
อุด้ง (Udon)
เมนูเส้นที่ทำจากแป้งสาลี มีลักษณะกลม หนา และขาว มีความเหนียวนุ่มเป็นพิเศษ มักจะเสิร์ฟในน้ำซุปดาชิสีใส (Dashi) ร้อนๆ ให้รสชาติกลมกล่อม และกลิ่นหอมที่เอกลักษณ์ ซึ่งน้ำซุปแต่ละร้านอาจมีรสชาติแตกต่างกันไปตามสูตรลับของแต่ละเชฟ เป็นเมนูที่ทานง่ายและให้ความรู้สึกสบายท้อง ไม่ว่าจะทานในมื้อเช้า กลางวัน หรือเย็น

เมนูอุด้งมีให้เลือกหลากหลายคล้ายเมนูราเมง ไม่ว่าจะเป็น คาเคอุด้ง (Kake Udon) เส้นอุด้งในน้ำซุปดาชิใสๆ โปะหน้าด้วยต้นหอมซอยหรือเศษเทมปุระกรอบๆ (Tenkasu) คิตสึเนะอุด้ง (Kitsune Udon) อุด้งที่โปะหน้าด้วยเต้าหู้ทอดแผ่นบางๆ เทมปุระอุด้ง (Tempura Udon) อุด้งที่โปะหน้าด้วยเทมปุระกรอบๆ ไม่ว่าจะเป็นกุ้งเทมปุระ หรือผักเทมปุระ ซารุอุด้ง (Zaru Udon) อุด้งแบบเย็น เสิร์ฟบนภาชนะไม้ไผ่ที่เรียกว่าซารุ (Zaru) พร้อมน้ำจิ้มสึยุ (Tsuyu) รสเค็มหวานที่เย็นสดชื่น และคาเรอุด้ง (Curry Udon) อุด้งในน้ำซุปแกงกะหรี่ญี่ปุ่นที่เข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศ และมักมีเนื้อสัตว์และผักผสมอยู่ด้วย
โซบะ (Soba)
เมนูบะหมี่ที่เส้นทำจากแป้งบัควีท (Buckwheat) ผสมกับแป้งสาลีเล็กน้อย เส้นจะบางกว่าอุด้งและมีสีออกน้ำตาลเทา มีกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของบัควีท นิยมเสิร์ฟแบบร้อนในน้ำซุปดาชิใสๆ รสชาติกลมกล่อม โปะหน้าด้วยท็อปปิ้งต่างๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายท้อง เหมาะสำหรับวันอากาศเย็น หรือเสิร์ฟแบบเย็นบนตะแกรงไม้ไผ่ มักจะมาพร้อมกับน้ำจิ้มสึยุ (Tsuyu) ซึ่งเป็นซอสโชยุผสมดาชิและมิริน รสชาติเค็มหวานเย็นชื่นใจ ทานคู่กับวาซาบิและต้นหอมซอย เหมาะสำหรับวันอากาศร้อนและอยากได้ความสดชื่น

เมนูโซบะยอดนิยมที่ต้องลอง เช่น คาเคะโซบะ (Kake Soba) เมนูพื้นฐานของโซบะ ซารุโซบะ (Zaru Soba) โซบะเย็นแบบคลาสสิก เสิร์ฟบนตะแกรงไม้ไผ่พร้อมน้ำจิ้มสึยุเย็นๆ เทมปุระโซบะ (Tempura Soba) โซบะที่โปะหน้าด้วยเทมปุระ สึกิมิโซบะ (Tsukimi Soba) โซบะแบบร้อนที่โปะหน้าด้วยไข่ดิบ หรือไข่ลวกครึ่งซีก คล้ายกับพระจันทร์ที่ลอยอยู่ในน้ำซุป และโทโรโระโซบะ (Tororo Soba) โซบะที่โปะหน้าด้วยโทโรโระ มันภูเขาที่นำมาขูด มีลักษณะเป็นเมือกเหนียวๆ มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์และเชื่อว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพ
ยากินิกุ (Yakiniku)
เมนูที่นำเนื้อมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วย่างบนเตาถ่านที่อยู่กลางโต๊ะ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มยาทานิกุหลากหลายรสชาติ และมักจะมีเครื่องเคียงอย่างกิมจิ ผักสลัด หรือซุป หัวใจของยาทานิกุคือคุณภาพของเนื้อ โดยเฉพาะเนื้อวากิว (Wagyu) หรือเนื้อวัวญี่ปุ่น ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องไขมันที่แทรกอย่างสวยงามและให้รสชาติที่นุ่มละลายในปาก ร้านยาทานิกุหลายแห่งจะให้ความสำคัญกับการคัดสรรเนื้อส่วนต่างๆ ที่มีเอกลักษณ์ ทั้งเนื้อสันใน (Tenderloin) เนื้อสันนอก (Sirloin) เนื้อซี่โครง (Rib) หรือแม้กระทั่งเนื้อส่วนที่หายาก

แต่ละคนก็จะมีเทคนิคการย่างเนื้อที่แตกต่างกันไป เพื่อให้เนื้อสุกพอดีตามความชอบ น้ำจิ้มยาทานิกุมีหลายชนิด ทั้งแบบโชยุ มิโซะ หรือแบบที่ผสมผลไม้และกระเทียม เพื่อเพิ่มรสชาติและเสริมความอร่อยของเนื้อ
โอโคโนมิยากิ (Okonomiyaki)
โอโคโนมิยากิ คือเมนูที่นำแป้งไปผสมกับไข่และกะหล่ำปลีซอยละเอียด แล้วนำไปย่างบนกระทะร้อนๆ โปะหน้าด้วยเนื้อสัตว์ อาหารทะเล หรือผักต่างๆ ตามชอบ พอสุกแล้วจะราดด้วยซอสโอโคโนมิยากิ มายองเนส และโรยด้วยปลาโอแห้งขูดฝอย (Katsuobushi) กับสาหร่ายอาโอโนริ (Aonori) คำว่าโอโคโนมิ (Okonomi) แปลว่าตามใจชอบ หรือตามที่ต้องการ ดังนั้นการทำโอโคโนมิยากิจึงเป็นการทำอาหารที่สามารถเลือกสาวนผสมอะไรก็ได้ที่ชอบไปผสมกับแป้งแแล้วย่างบนกระทะนั่นเอง

โอโคโนมิยากิมี 2 สไตล์หลักๆ ที่เป็นที่รู้จักคือโอโคโนมิยากิสไตล์คันไซหรือโอซาก้า และฮิโรชิม่า โอโคโนมิยากิ โดยที่โอโคโนมิยากิแบบโอซาก้า เป็นโอโคโนมิยากิแบบที่คุ้นเคยกันดีที่สุด ผสมแป้งกับกะหล่ำปลีซอย เนื้อสัตว์ และส่วนผสมอื่นๆ คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วนำไปย่างเป็นแผ่นหนาๆ ส่วนฮิโรชิม่า โอโคโนมิยากิ จะย่างแป้งเป็นแผ่นบางๆ ก่อน จากนั้นค่อยๆ วางกะหล่ำปลีซอย เส้นโซบะ หรืออุด้ง เนื้อสัตว์ ไข่ และส่วนผสมอื่นๆ ซ้อนกันเป็นชั้นๆ คล้ายกับการทำเครป
ทาโกะยากิ (Takoyaki)
ขนมครกลูกกลมๆ สไตล์ญี่ปุ่น ทำจากแป้งสาลีผสมน้ำและไข่ ปรุงรสเล็กน้อย แล้วนำไปเทลงในพิมพ์หลุมทรงพิเศษ ใส่ไส้ปลาหมึกยักษ์หั่นเต๋า และเครื่องต่างๆ เช่น ขิงดอง ต้นหอม พอสุกเป็นลูกกลมๆ แล้ว จะราดด้วยซอสทาโกะยากิ มายองเนส โรยด้วยปลาโอแห้งขูดฝอย (Katsuobushi) และสาหร่ายอาโอโนริ (Aonori) สัมผัสของทาโกยากิคือข้างนอกจะกรอบเล็กน้อย เคี้ยวเข้าไปจะเจอเนื้อแป้งที่นุ่มละมุนลิ้น และมีปลาหมึกหนึบๆ ซ่อนอยู่ข้างใน เป็นอาหารที่หาทานได้ง่ายตามเทศกาล ตลาด หรือสถานีรถไฟในญี่ปุ่น

ทาโกะยากิมีต้นกำเนิดมาจากเมืองโอซาก้า และเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอาหารญี่ปุ่นประจำภูมิภาคคันไซเลยก็ว่าได้ คนโอซาก้าจะภูมิใจในทาโกะยากิของพวกเขามาก และแต่ละร้านก็มีสูตรลับเฉพาะตัว มีคำพูดที่ว่าคนโอซาก้าทานทาโกะยากิบ่อยจนมีกระทะเป็นของตัวเองที่บ้าน และมีวิธีเรียกการที่ทุกคนมารวมตัวกันทำทาโกะยากิทานกันว่า ทาโกะปา ย่อมาจาก ทาโกะยากิ ปาร์ตี้ (Takoyaki Party) นั่นเอง
ข้าวหน้าเนื้อ/ข้าวหน้าหมู (Gyudon/Butadon)
เป็นเมนูอาหารจานด่วนที่อร่อย อิ่มท้อง และหาทานง่ายสุดๆ ในญี่ปุ่น ข้าวสวยร้อนๆ ที่โปะหน้าด้วยเนื้อวัวหรือเนื้อหมูสไลด์บางๆ ผัดกับหัวหอมใหญ่ และเพิ่มรสชาติด้วยซอสรสหวานเค็มกลมกล่อม มักเสิร์ฟมาพร้อมกับซุปมิโซะ ช่วยให้ซดคล่องคอ สามารถเพิ่มความอร่อยได้ด้วยการเติมท็อปปิ้งต่างๆ เช่น ขิงดองสีแดง พริกป่นญี่ปุ่น และที่แนะนำคือ ลองตอกไข่ดิบลงไปแล้วคลุกให้เข้ากันกับข้าวและเนื้อ รับรองว่าจะได้รสสัมผัสที่นุ่มนวลและอร่อยไปอีกแบบ
แกงกะหรี่ญี่ปุ่น (Japanese Curry)
น้ำแกงที่ผ่านการเคี่ยวมาอย่างเข้มข้น ราดบนข้าวสวยร้อนๆ แกงกะหรี่ญี่ปุ่นมีรสชาติเข้มข้นแต่นุ่มนวล ไม่เผ็ดจัดจ้านเท่าแกงกะหรี่อินเดียหรือไทย ทำให้คนที่ไม่ทานเผ็ดก็สามารถทานได้สบายๆ รสชาติหวานนำเล็กน้อยช่วยให้กลมกล่อมและถูกปากคนทั่วไป แกงกะหรี่ญี่ปุ่นสามารถจับคู่กับท็อปปิ้งได้หลากหลายมากๆ เช่น ทงคัตสึ (Tonkatsu) หรือหมูทอด ไก่ทอด (Chicken Katsu) เนื้อวัว (Beef Curry) ไข่ออมเล็ต และผักต่างๆ เช่น แครอท หัวหอมใหญ่ มันฝรั่ง

แกงกะหรี่ญี่ปุ่นมีให้เลือกความเผ็ดหลายระดับ คือ Amakuchi ความเผ็ดระดับน้อยที่สุดหรือแทบไม่เผ็ดเลย รสชาติจะออกหวานนำ เหมาะสำหรับเด็กหรือคนที่ไม่ทานเผ็ด Chukara ความเผ็ดระดับปานกลาง เป็นระดับที่คนส่วนใหญ่นิยมและทานได้สบายๆ Karakuchi ความเผ็ดระดับเผ็ดมาก สำหรับคนที่ชอบรสจัดจ้านขึ้นมาหน่อย และ Gekikara ระดับความเผ็ดที่เผ็ดจัดจ้านที่สุด สำหรับคนที่ชื่นชอบความเผ็ดร้อนแบบสุดๆ
ยากิโทริ (Yakitori)
ยากิโทริ คืออาหารที่นำเนื้อไก่ส่วนต่างๆ หรือบางครั้งก็เป็นเนื้อหมู เนื้อวัว หรือผัก มาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ เสียบไม้ แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านจนสุกหอม มักจะปรุงรสด้วยซอสทาเระ (Tare) ซึ่งเป็นซอสหวานเค็ม หรือโรยด้วยเกลือ เพื่อดึงรสชาติแท้ๆ ของวัตถุดิบออกมา เมนูยากิโทริโดดเด่นด้วยการนำไก่มาใช้เกือบทุกส่วน ไม่ใช่แค่เนื้อส่วนอกหรือเนื้อส่วนน่องเท่านั้น แต่ยังมีส่วนต่างๆ ที่คนไทยอาจไม่คุ้นเคยแต่รับรองว่าอร่อยมากๆ

เมนูที่แนะนำให้สั่ง เช่น เนกิมะ (Negima) เนื้อน่องไก่เสียบสลับกับต้นหอมญี่ปุ่น เป็นเมนูยอดนิยมอันดับหนึ่ง โมโมะ (Momo) เนื้อไก่ส่วนน่อง คาวะ (Kawa) หนังไก่ย่างกรอบๆ ฮัตสึ (Hatsu) หัวใจไก่ ซูนะกิโมะ (Sunagimo) กึ๋นไก่ เทบาซากิ (Tebasaki) ปีกไก่ บงจิริ (Bonjiri) ตูดไก่ย่างหอมๆ มันๆ และสึกุเนะ (Tsukune) ลูกชิ้นไก่บดปรุงรส รวมไปถึงเมนูผักต่างๆ เช่น พริกหยวก เห็ดหอม ใบชิโซะ
ชาบูชาบู (Shabu-shabu)
เมนูหม้อไฟที่นำเนื้อสัตว์หั่นสไลด์บางๆ มาจุ่มลงในน้ำซุปที่กำลังเดือดในหม้อไฟ พอเนื้อสุกก็คีบขึ้นมาทานคู่กับผักสดๆ เห็ด เต้าหู้ วุ้นเส้น หรือเส้นอุด้ง แล้วจิ้มกับน้ำจิ้มต่างๆ สิ่งที่ทำให้เมนูชาบูชาบูมีความพิเศษก็คือ เนื้อสัตว์ ต้องเป็นเนื้อสัตว์คุณภาพดี โดยเฉพาะเนื้อวัววากิวที่หั่นสไลด์บางเฉียบ จะมีความละมุนลิ้นและมีกลิ่นหอมมัน

น้ำซุปชาบูก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่น้ำซุปที่เป็นที่นิยม คือ น้ำซุปคอมบุ (Kombu Dashi) ที่ได้จากการต้มสาหร่ายคอมบุ มีรสชาติกลมกล่อมและกลิ่นหอมอ่อนๆ ช่วยดึงรสชาติแท้ๆ ของเนื้อและผักออกมา และน้ำซุปโทนิว (Tonyu) น้ำซุปใสที่ผสมนมถั่วเหลือง ใทำให้มีรสชาติที่นุ่มนวล ครีมมี่ และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือน้ำจิ้ม ส่วนสำคัญที่จะช่วยเพิ่มรสชาติให้ชาบูชาบูอร่อยยิ่งขึ้น น้ำจอ้มที่นิยมทาน เช่น น้ำจิ้มพอนซึ (Ponzu) ที่ให้รสเปรี้ยว เค็ม หอม สดชื่น ช่วยตัดเลี่ยนได้ดี และน้ำจิ้มงา (Goma Dare) รสชาติหวาน เค็ม มัน หอมกลิ่นงาคั่ว
สุกี้ยากี้ (Sukiyaki)
เมนูหม้อไฟที่ทำโดยการนำเนื้อสัตว์ ผักต่างๆ เช่น ผักกาดขาว ต้นหอม เห็ดชิตาเกะ เห็ดเข็มทอง เต้าหู้ เส้นบุก หรือเส้นอุด้ง มาปรุงในหม้อเหล็กแบนๆ บนเตาที่โต๊ะ โดยจะผัดเนื้อกับน้ำมันเล็กน้อยก่อน แล้วจึงเติมน้ำซุปวาริชิตะ (Warishita) ซึ่งเป็นซอสรสหวานเค็มเข้มข้นที่ทำจากโชยุ น้ำตาล และมิริน รอให้ซุุปซึมซาบเข้าไปในเนื้อสัตว์และผัก พอทุกอย่างสุกก็คีบขึ้นมาทาน โดยวิธีการทานจะนิยมจิ้มกับไข่ไก่ดิบที่ตีไว้ ไข่ดิบจะช่วยเคลือบเนื้อสัตว์และผัก ทำให้รสชาติเข้มข้นนุ่มนวลขึ้น และลดความร้อนของอาหารก่อนเข้าปาก

ข้าวหน้าปลาดิบ (Kaisendon)
ข้าวหน้าปลาดิบ หรือ Kaisendon คือเมนูข้าวสวยที่โปะหน้าด้วยปลาดิบหรืออาหารทะเลสดๆ ที่หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ข้าวหน้าปลาดิบแม้จะทานเนื้อปลาหรืออาหารทะเลสดๆ กับข้าวคล้ายๆ ซูชิเพียงแต่ไม่ได้ปั้นเป็นคำ แต่เมนูข้าวหน้าปลาดิบไม่ได้ใช้ข้าวซูชิที่ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชู ถึงแม้บางร้านอาจมีการปรุงรสข้าวให้เข้ากันบ้าง และเน้นปริมาณอาหารทะเลที่จัดเต็มกว่า เพราะในหนึ่งชามมักจะรวมปลาและอาหารทะเลหลากหลายชนิดไว้ด้วยกัน ทำให้ได้ลิ้มลองรสชาติและเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันไปในคำเดียว

ข้าวหน้าปลาดิบสามารถใส่ท้อปปิ้งได้หลายหลาย ขึ้นอยู่กับร้านค้าและฤดูกาล แต่มักจะเต็มไปด้วยวัตถุดิบยอดนิยม เช่น มากุโระ (Maguro) อาจเป็นส่วนที่มีไขมันแทรกอย่างชูโทโร่ (Chutoro) และโอโทโร่ (Otoro) ที่นุ่มละลายในปาก ปลาแซลมอนซึ่งเป้นที่นิยมอย่างมาก อิคุระ (Ikura) หรือไข่ปลาแซลมอน อูนิ (Uni) หรือไข่หอยเม่น หอยเชลล์โฮตาเตะ (Hotate) ปลาหมึก หรือกุ้งหวาน (Amaebi)
โอเด้ง (Oden)
เมนูที่มาพร้อมซุปดาชิร้อนๆ ปรุงรสด้วยโชยุ มิริน และสาเก และเคี่ยวอย่างพิถีพิถันจนได้ที่ มีรสชาติกลมกล่อม นุ่มละมุนลิ้น หอมกลิ่นปลาโอแห้งและสาหร่ายคอมบุ ทานคู่กับเมนูเสียบไม้หลากหลายให้ได้เลือกชิม ทั้งลูกชิ้นปลา เต้าหู้ ไข่ต้ม หัวไชเท้า บุก (Konnyaku) และอื่นๆ อีกมากที่ต้มกับน้ำซุปจนซึมได้ที่ แต่ละชิ้นก็มีเนื้อสัมผัสและรสชาติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันไป เป็นเมนูที่ทานง่าย ให้ความรู้สึกอบอุ่นและสบายท้อง เหมาะสำหรับทานในมื้อเบาๆ หรือเป็นของว่างยามดึก โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่อากาศเย็นๆ การได้ทานโอเด้งร้อนๆ สักไม้สองไม้ จะช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้น

ยากิโซบะ (Yakisoba)
บะหมี่ผัดสไตล์ญี่ปุ่น ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในฐานะสตรีทฟู้ด และเป็นเมนูประจำงานเทศกาลฤดูร้อนต่างๆ ทำจากเส้นโซบะ นำมาผัดกับซอสยากิโซบะรสหวานเค็มเข้มข้น ผักต่างๆ เช่น กะหล่ำปลี แครอท หัวหอมใหญ่ เนื้อสัตว์ เช่น เนื้อหมู เนื้อไก่ หรืออาหารทะเล และมักจะโรยหน้าด้วยขิงดอง สาหร่ายอาโอโนริ (Aonori) และปลาโอแห้ง (Katsuobushi)

ซอสยากิโซบะมีรสชาติเฉพาะตัว ออกหวาน เค็ม เปรี้ยวเล็กน้อย และมีกลิ่นหอมของผักผลไม้และเครื่องเทศที่เข้มข้น ซอสจะเคลือบเส้นและวัตถุดิบทั้งหมดให้มีรสชาติกลมกล่อม น่าทาน ยากิโซบะที่ดีมักจะผัดบนกระทะเหล็กแบนๆ ด้วยไฟแรง ทำให้เกิดกลิ่นหอมไหม้เล็กน้อยหรือกลิ่นกระทะ ซึ่งเป็นจุดที่ช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับยากิโซบะ
เกี๊ยวซ่า (Gyoza)
เกี๊ยวสไตล์ญี่ปุ่นที่ทำจากแป้งบางๆ ห่อไส้หมูบดผสมกะหล่ำปลีหรือต้นหอม ปรุงรสด้วยกระเทียม ขิง และซอสถั่วเหลือง ทำให้ได้เนื้อสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำและรสชาติกลมกล่อม หอมกลิ่นกระเทียมและขิง ทานกับน้ำจิ้มที่เรียกว่าทาเระ (Tare) ซึ่งเป็นซอสถั่วเหลืองผสมน้ำส้มสายชูและน้ำมันงา อาจใส่น้ำมันพริกญี่ปุ่น (La-yu) หรือกระเทียมขูดฝอยเพิ่มตามชอบ เกี๊ยวซ่าเป็นเมนูที่มักจะถูกสั่งมาทานคู่กับราเมง หรือข้าวหน้าต่างๆ ในร้านอาหารญี่ปุ่นเสมอๆ

เกี๊ยวซ่ามีวิธีปรุงหลักๆ 3 แบบ ซึ่งให้เนื้อสัมผัสและรสชาติที่แตกต่างกัน คือ ยากิเกี๊ยวซ่า (Yaki Gyoza) เป็นวิธีที่นิยมที่สุดในญี่ปุ่นและทั่วโลก วิธีนี้จะนำเกี๊ยวซ่าไปทอดในกระทะโดยใส่น้ำมันเล็กน้อย จากนั้นเติมน้ำลงไปเล็กน้อยแล้วปิดฝาให้ไอน้ำช่วยนึ่งจนสุกและแป้งนุ่ม ส่วนก้นเกี๊ยวก็จะกรอบและมีสีเหลืองทอง เป็นการผสมผสานความกรอบและความนุ่มไว้ในคำเดียว
แบบที่สองคือ ซุยเกี๊ยวซ่า (Sui Gyoza) เป็นเกี๊ยวซ่าแบบต้มหรือนึ่ง จะได้เนื้อสัมผัสของแป้งที่นุ่มนิ่ม เสิร์ฟในน้ำซุปดาชิใสๆ หรือน้ำจิ้มพอนซึ (Ponzu) รสเปรี้ยวสดชื่น และแบบที่สามคือ อาเกะเกี๊ยวซ่า (Age Gyoza) คือเกี๊ยวซ่าแบบทอดกรอบทั้งชิ้น จะได้เนื้อสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน และมีรสชาติเข้มข้นกว่าแบบอื่น
ข้าวปั้น (Onigiri)
เมนูข้าวที่อัดเป็นก้อนรูปสามเหลี่ยม หรือทรงกลม ห่อด้วยสาหร่ายโนริ (Nori) แล้วใส่ไส้ต่างๆ ไว้ข้างใน เป็นอาหารที่หาซื้อได้ง่ายสุดๆ ตามร้านสะดวกซื้อหรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วญี่ปุ่น เมนูนี้เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของอาหารญี่ปุ่น ที่ทานง่าย อิ่มท้อง และเข้าถึงได้ทุกคน

ไส้ยอดนิยมของข้าวปั้นที่ต้องลอง เช่น ไส้ปลาแซลมอน (Sake) ไม่ว่าจะเป็นไส้ปลาแซลมอนย่าง หรือปลาแซลมอนปรุงรส เป็นไส้ยอดนิยมอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ ไส้บ๊วยดอง (Umeboshi) รสเปรี้ยวเค็ม เป็นรสชาติคลาสสิกที่คนญี่ปุ่นคุ้นเคย ช่วยเพิ่มความสดชื่น ไส้ทูน่ามาโย (Tuna Mayonnaise) ไส้ทูน่าผสมมายองเนสที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนรุ่นใหม่และนักท่องเที่ยว ไส้เมนไทโกะ (Mentaiko) ให้รสชาติเค็มๆ มันๆ และความหนึบของไข่ปลา ไส้ไก่เทอริยากิ (Teriyaki Chicken) รสหวานเค็มกลมกล่อม ไส้สาหร่ายคอมบุ (Kombu) ไส้แบบดั้งเดิม และไส้โอคากะ (Okaka) ไส้ปลาโอแห้งขูดฝอยผสมซอสโชยุ ให้รสชาติเค็มๆ หวานๆ และกลิ่นหอมของปลาโอ
คาราอาเกะ (Karaage)
คาราอาเกะ คือไก่ที่นำไปหมักกับซอสโชยุ สาเก ขิง กระเทียม และเครื่องปรุงอื่นๆ จากนั้นคลุกกับแป้งมันฝรั่ง หรือแป้งสาลีบางๆ แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนได้สีเหลืองทอง มีเนื้อสัมผัสที่กรอบนอกนุ่มใน เนื้อไก่ข้างในยังคงความชุ่มฉ่ำและมีรสชาติกลมกล่อม เสิร์ฟร้อนๆ กับข้าวสวย อาจบีบเลมอนเพิ่มความสดชื่น

นอกจากทานกับข้าวแล้ว คนญี่ปุ่นยังนิยมทานคาราอาเกะเป็นกับแกล้ม เรียกได้ว่าเป็นมนูโปรดสำหรับการทานคู่กับเบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่นๆ ในร้านอิซากายะ (Izakaya) และมักเป็นเมนูที่ถูกนำไปทำเป็นเบนโตะ (Bento) อยู่เสมอ
ซาบะ มิโซะ (Saba Miso)
ซาบะ มิโซะ คือเมนูที่นำปลาซาบะไปปรุงรสด้วยซอสมิโสะ วิธีการทำมีหลายวิธี แต่ที่นิยมคือการนำปลาซาบะมาตุ๋นในน้ำซุปที่ปรุงด้วยมิโสะ สาเก มิริน น้ำตาล และขิง จนเนื้อปลาสุกนุ่มและซอสซึมเข้าเนื้อจนชุ่มฉ่ำ บางครั้งก็อาจนำปลาซาบะไปย่างแล้วราดด้วยซอสมิโสะเข้มข้น

เนื่องจากมิโซะมีรสชาติเฉพาะตัว ทำให้ซอสหอมกลิ่นมิโสะ บวกกับความหวานจากน้ำตาลและมิริน และความเค็มจากโชยุ ทำให้ซอสมีรสชาติที่กลมกล่อมและเข้มข้นมากๆ เมื่อซอสซึมเข้าสู่เนื้อปลาซาบะที่มีความมันตามธรรมชาติก็จะยิ่งเพิ่มความอร่อย ยิ่งนุ่มละลายในปาก เป็นเมนูที่ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ
อูนาจู (Unaju)/อูนาด้ง (Unadon)
อูนาจูและอูนาด้ง คือเมนูข้าวที่โปะหน้าด้วยปลาไหลคาบายากิย่าง (Unagi Kabayaki) ปลาไหลจะถูกเลาะก้างและย่างอย่างพิถีพิถัน จากนั้นนำไปราดด้วยซอสหวานเค็มที่ทำจากโชยุ มิริน และน้ำตาล ซึ่งเป็นซอสเฉพาะที่ซึมซาบเข้าเนื้อปลาไหลได้อย่างดี เสิร์ฟบนข้าวสวยร้อนๆ ต่างกันตรงที่ อูนาด้ง จะเสิร์ฟในชามข้าวทรงกลม มักจะมีปริมาณปลาไหลน้อยกว่าอูนาจู แต่เป็นเมนูที่เข้าถึงง่ายกว่า ราคาเป็นมิตร ส่วนอูนาจู คำว่าจู (Ju) มาจากจูบาโกะ (Jubako) กล่องข้าวทรงสี่เหลี่ยมที่ทำจากไม้เคลือบเงา ดังนั้น เมนูอูนาจูจึงถูกเสิร์ฟในกล่องจูบาโกะ ทำให้อูนาจูดูหรูหรา พรีเมียม
โอยาโกะด้ง (Oyako Don)
เมนูข้าวสวยร้อนๆ ที่โปะหน้าด้วยเนื้อไก่หั่นชิ้น ผัดกับหัวหอมใหญ่ในน้ำซุปดาชิที่ปรุงรสด้วยโชยุ มิริน และน้ำตาล จากนั้นตอกไข่ไก่ตีพอแตกราดลงไป ปิดฝาให้ไข่สุกพอประมาณ แล้วจึงราดลงบนข้าวสวยร้อนๆ โรยหน้าด้วยต้นหอมซอย หรือใบมิสึบะ (Mitsuba) จุดเด่นของโอยาโกะด้งคือรสชาติที่หวานเค็มกลมกล่อมจากซอสที่ซึมเข้าสู่เนื้อไก่และหัวหอม และความนุ่มละมุนของไข่ที่สุกแบบเยิ้มๆ ราดบนข้าวสวยร้อนๆ ทำให้รู้สึกฟินทุกคำที่ทาน

คัตสึดง (Katsu Don)
เมนูด้งที่โปะทงคัตสึ (Tonkatsu) หรือหมูทอดชุบเกล็ดขนมปัง ที่นำไปต้มกับหัวหอมใหญ่ในน้ำซุปดาชิปรุงรสหวานเค็ม บนข้าวสวยร้อนๆ แล้วราดด้วยไข่ไก่ที่สุกแบบเยิ้มๆ กำลังดี อาจจะโรยพริกป่นญี่ปุ่น (Shichimi Togarashi) เพิ่มรสเผ็ดร้อนเล็กน้อยตามชอบ เป็นเมนูที่รวมความอร่อยของหมูทอด ไข่ และซอสหวานเค็มไว้ในชามเดียว ทานแล้วฟินสุดๆ

คิริทัมโปะ นาเบะ (Kiritanpo Nabe)
คิริทัมโปะ นาเบะ เป็นอาหารขึ้นชื่อของจังหวัดอาคิตะ ในภูมิภาคโทโฮคุ มีส่วนประกอบหลักคือ คิริทัมโปะ (Kiritanpo) ซึ่งเป็นข้าวสวยที่นำไปบดหรือตำแล้วปั้นเป็นแท่ง เสียบไม้ ย่างไฟจนมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว จากนั้นนำไปหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แล้วจึงนำไปต้มรวมกับวัตถุดิบอื่นๆ ในหม้อไฟ คิริทัมโปะจะดูดน้ำซุปเข้าไปได้อย่างเต็มที่ ทำให้มีรสสัมผัสที่นุ่มหนึบและอร่อยมากๆ

น้ำซุปสำหรับคิริทัมโปะ นาเบะ มักจะใช้กระดูกไก่ฮิไนจิโดริ (Hinaidori) ซึ่งเป็นไก่พื้นเมืองของอาคิตะที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติเข้มข้น หอมหวาน และอูมามิ น้ำซุปที่เคี่ยวจากไก่ชนิดนี้จะกลมกล่อมและเป็นเอกลักษณ์ วัตถุดิบอื่นๆ ที่ใส่ลงไปในนาเบะก็จะเป็นวัตถุดิบที่หาได้ตามฤดูกาล เช่น เนื้อไก่ฮิไนจิโดริ เห็ดไมตาเกะ ต้นหอมญี่ปุ่น มิสึบะ (Mitsuba) รากโกโบ (Gobo) หรือเส้นบุกเพิ่มความหนึบหนับ
กิวตัน (Gyutan)
กิวตัน ก็คือลิ้นวัวที่นำมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ หรือหนาพอประมาณ แล้วนำไปย่างบนเตาถ่านจนสุกพอดี มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มักจะปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย หรือราดด้วยซอสสูตรพิเศษ นิยมทานคู่กับข้าวสวยหรือข้าวบาร์เลย์ ซุปหางวัว และผักดอง กิวตันจะมีเนื้อสัมผัสที่ต่างจากเนื้อวัวส่วนอื่นๆ ถ้าย่างอย่างถูกวิธี เนื้อลิ้นวัวจะมีความนุ่มหนึบ เคี้ยวเพลิน และมีความเด้งที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่เหนียวหรือแข็งกระด้าง

กิวตัน เป็นอาหารญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อของเมืองเซ็นได (Sendai) จังหวัดมิยางิ ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งกำเนิดและเป็นเมืองที่มีร้านกิวตันอร่อยๆ เยอะที่สุด แม้จะเป็นเมนูที่ดูเรียบง่าย แต่กิวตันเป็นอาหารที่ให้ความรู้สึกพิเศษและมักจะมีราคาสูงกว่าเมนูเนื้อย่างทั่วไปเล็กน้อย เนื่องจากความพิถีพิถันในการเตรียมและคุณภาพของวัตถุดิบ ถ้าได้ไปเซ็นไดก้ห้ามพลาดที่จะไปลองกิวตัน เพราะแต่ละร้านในเซ็นไดก็จะมีสูตรเฉพาะและวิธีการย่างที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
มอนจายากิ (Monjayaki)
มอนจายากิ คืออีกหนึ่งเมนูยอดนิยมที่ต้องลอง โดยเฉพาะถ้าไปเที่ยวที่โตเกียว เมนูนี้ทำจากแป้งสาลีผสมน้ำและน้ำซุปดาชิ ซึ่งเนื้อเนื้อแป้งจะค่อนข้างเหลว จากนั้นนำไปผสมกับกะหล่ำปลีซอยละเอียด และวัตถุดิบอื่นๆ ที่ชอบ เช่น หมู ปลาหมึก กุ้ง ชีส หรือเมนไทโกะ แล้วนำไปย่างบนกระทะเหล็กแบนๆ ที่โต๊ะ เมื่อย่างสุกแล้ว มอนจายากิจะมีเนื้อสัมผัสที่บางกรอบบริเวณขอบ และนุ่มหนึบตรงกลาง รสชาติจะเข้มข้น หอมกลิ่นกระทะ และมีกลิ่นหอมของวัตถุดิบที่ใส่ลงไป วิธีการทานมอนจายากิจะใช้ เฮระ (Hera) หรือไม้พายเหล็กเล็กๆ สำหรับแซะและตักมอนจายากิขึ้นมาจากกระทะทานทีละนิดๆ

ฮิตสึมาบูชิ (Hitsumabushi)
ฮิตสึมาบูชิ คือข้าวหน้าปลาไหลคาบายากิย่าง (Unagi Kabayaki) ที่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แทนที่จะเป็นชิ้นยาวๆ เสิร์ฟในภาชนะไม้ทรงกลมหรือสี่เหลี่ยม ความพิเศษของเมนูนี้อยู่ที่วิธีการทาน ซึ่งมีขั้นตอนเฉพาะที่ช่วยดึงรสชาติและประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกมา เมนูนี้เป็นอาหารขึ้นชื่อและเป็นความภาคภูมิใจของนาโกย่า (Nagoya) ใครไปเยือนนาโกย่าแล้วไม่ได้ลองทานฮิตสึมาบูชิถือว่าพลาดมาก

โฮโต (Hoto)
เมนูคล้ายหม้อไฟหรือนาเบะ แต่จะใส่เส้นอุด้งที่มีลักษณะพิเศษ คือเส้นจะค่อนข้างแบนและหนากว่าอุด้งทั่วไป ทำจากแป้งสาลีโดยไม่ผ่านการตัดเป็นเส้นกลม แต่จะตัดเป็นแผ่นๆ แล้วนำไปต้มรวมกับผักต่างๆ เช่น ฟักทอง แครอท เห็ด หัวหอมใหญ่ และเนื้อสัตว์ ปรุงรสน้ำซุปด้วยมิโสะ ต้มจนเข้มข้นและผักนุ่มเปื่อย โฮโตเป็นอาหารพื้นเมืองที่ขึ้นชื่อของจังหวัดยามานาชิ โดยเฉพาะบริเวณรอบๆ ภูเขาไฟฟูจิและทะเลสาบคาวากุจิโกะ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นในฤดูหนาว ใครไปเที่ยวแถวภูเขาไฟฟูจิก็อย่าลืมแวะทานนะ

คุชิคัตสึ (Kushikatsu)
เมนูเนื้อสัตว์ ผัก หรืออาหารทะเลต่างๆ ที่นำมาเสียบไม้ ชุบแป้งและเกล็ดขนมปัง แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนได้สีเหลืองทองและมีความกรอบฟู คล้ายกับทงคัตสึแต่จะมาในรูปแบบเสียบไม้ ชิ้นพอดีคำ และมีวัตถุดิบที่หลากหลายกว่ามาก เสิร์ฟพร้อมซอสคุชิคัตสึสีดำเข้มข้น รสหวานอมเปรี้ยวเค็ม คล้ายกับซอสทงคัตสึหรือโอโคโนมิยากิ แต่จะมีรสชาติเฉพาะตัวที่เข้ากันได้ดีกับของทอดเสียบไม้ คุชิคัตสึเป็นอาหารขึ้นชื่อของโอซาก้า โดยเฉพาะในย่านซินเซไก (Shinsekai) ที่มีร้านคุชิคัตสึแบบดั้งเดิมตั้งอยู่หลายร้าน

มตสึนาเบะ (Motsunabe)
อาหารขึ้นชื่อของฟุกุโอกะ หม้อไฟที่มีเครื่องในวัว (Motsu) เป็นเนื้อสัตว์หลักๆ โดยเฉพาะลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ ที่ถูกทำความสะอาดอย่างพิถีพิถันและหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ นำมาต้มรวมกับผักต่างๆ เช่น กะหล่ำปลี หอมใหญ่ กุยช่าย เต้าหู้ และเส้นบุก ในน้ำซุปดาชิที่ปรุงรสด้วยโชยุ มิโสะ หรือซอสงา บางครั้งก็มีการเติมพริก หรือกระเทียมลงไปด้วย เพื่อเพิ่มรสชาติและความจัดจ้าน ยิ่งต้มเครื่องในในน้ำซุปนานเท่าไหร่ ก็จะยิ่งนุ่มและดูดซับรสชาติของซุปได้ดี

หลังจากทานเครื่องในและผักหมดแล้ว คนญี่ปุ่นนิยมนำเส้นบะหมี่ หรือข้าวสวยลงไปต้มในน้ำซุปที่เหลือเพื่อทานต่อ เป็นวิธีที่จะได้ซึมซับรสชาติเข้มข้นของน้ำซุปให้หมดจด ถือเป็นเมนูปิดท้ายที่อร่อยและอิ่มท้องมากๆ
อิชิคารินาเบะ (Ishikari Nabe)
หม้อไฟที่มีปลาแซลมอน สดๆ หั่นชิ้นใหญ่เป็นส่วนประกอบหลักและหัวใจสำคัญของเมนูนี้ นำมาต้มรวมกับผักหลากหลายชนิด เช่น กะหล่ำปลี หัวหอม เห็ดต่างๆ โดยเฉพาะเห็ดชิตาเกะ เต้าหู้ และเส้นบุก ปรุงรสด้วยมิโสะ บางสูตรอาจใส่นมสด เพื่อเพิ่มความหอมมันและรสชาติที่นุ่มนวลให้กับน้ำซุป ต้มจนได้น้ำซุปที่เข้มข้น หอมมัน และกลมกล่อม เป็นเมนูประจำถิ่น ที่ใครได้ไปฮอกไกโดจะต้องไปลองชิม

เซมเบ้จิรุ (Senbei Jiru)
เซมเบ้จิรุ คือซุปมิโสะหรือซุปโชยุ ที่ใส่เนื้อสัตว์ ผักต่างๆ เช่น เห็ด หัวหอม รากโกโบ และที่สำคัญที่สุดคือ แครกเกอร์ข้าวเซ็มเบะแบบพิเศษสำหรับทำซุปลงไปต้มด้วยกัน แครกเกอร์เซ็มเบะที่ใช้ในซุปนี้จะแตกต่างจากเซ็มเบะกรอบๆ ที่เราทานเล่น เพราะมันถูกออกแบบมาให้ดูดซับน้ำซุปได้ดี เซมเบ้จะค่อยๆ ดูดซับน้ำซุปเข้าไปจนนุ่มและหนึบ ทำให้ได้รสสัมผัสที่แปลกใหม่และอร่อย น้ำซุปที่ปรุงด้วยมิโสะหรือโชยุ จะมีรสชาติกลมกล่อม หอม และเข้มข้น ซึ่งได้จากการเคี่ยวเนื้อสัตว์และผักต่างๆ จนเปื่อยนุ่ม เซมเบ้จิรุ เป็นเมนูคลายหนาวยอดนิยมของชาวอาโอโมริเลยล่ะ

โทริเท็น (Toriten)
โทริเท็น คือเนื้อไก่ที่นำมาหมักกับโชยุ สาเก กระเทียม และขิง จากนั้นนำไปชุบกับแป้งเทมปุระ แล้วนำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ จนสุกเป็นสีเหลืองทอง มีเนื้อสัมผัสที่กรอบฟู ไม่หนักเหมือนไก่ทอดทั่วไป เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มพอนซึ (Ponzu) ที่มีรสเปรี้ยวอมเค็ม และกลิ่นหอมของส้มยูซุ ช่วยเพิ่มความสดชื่นและตัดเลี่ยนได้ดีมากๆ บางครั้งก็อาจใส่หัวไชเท้าขูดฝอยผสมในน้ำจิ้มด้วย สามารถทานเป็นอาหารจานหลักคู่กับข้าวสวย หรือเป็นเมนูทานเล่น เป็นกับแกล้มก็อร่อยเข้ากัน

บทความแนะนำ
-
- อื่นๆ
- บทความพิเศษ
Aroimaru: วิธีการค้นหาร้านอาหารในเว็บไซต์ Aroimaru
19.08.2025
-
- กรุงเทพฯ
- อื่นๆ
- เพลินจิต
- บทความที่KOLแนะนำ
ชวนแฟนเดท 7 ร้านญี่ปุ่นสุดโรแมนติก ที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง
23.07.2025
-
- อื่นๆ
- สยาม
- บทความพิเศษ
Gotochi Sushi: เพลิดเพลินไปกับเอกลักษณ์ของซูชิประจำแต่ละท้องถิ่น
26.05.2025
-
- อื่นๆ
- บทความพิเศษ
6 เมนูประจำท้องถิ่นญี่ปุ่น ต้องลองสักครั้งในชีวิต
22.04.2025
-
- อื่นๆ
- บทความพิเศษ
Yakiniku: กินยากินิกุพรีเมียมที่ญี่ปุ่นให้ถึงแก่น แนะนำร้านและส่วนอร่อย
18.04.2025
-
- อื่นๆ
- บทความพิเศษ
โลกแห่ง วาโชกุ (Washoku) สมบัติล้ำค่าของญี่ปุ่น
17.04.2025