ชวนแฟนเดท 7 ร้านญี่ปุ่นสุดโรแมนติก ที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง

23.07.2025 (Updated: 23.07.2025)
ชวนแฟนเดท 7 ร้านญี่ปุ่นสุดโรแมนติก ที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง

ได้เวลาเติมความหวานให้ชีวิตคู่ วันนี้ฟ้าจะพาไป ตามรอย 7 ร้าน อาหารญี่ปุ่น สุดโรแมนติก ที่เหมาะกับการชวนแฟนไปเดทแบบฟินๆ รับรองว่าบรรยากาศดี อาหารอร่อย แถมมีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำแน่นอน

สารบัญ

Show More

1. Ginza Sushi Ichi Bangkok

ถ้าอยากสร้างความประทับใจให้แฟนแบบเต็มร้อย และกำลังมองหาประสบการณ์โอมากาเสะระดับเวิลด์คลาสที่ยังเปิดให้บริการอยู่ Ginza Sushi Ichi Bangkok คือตัวเลือกที่ฟ้าแนะนำเลย ร้านนี้เป็นสาขาจากญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับระดับมิชลินสตาร์ รับรองว่าไม่เพียงแต่จะได้ลิ้มรส อาหารญี่ปุ่น ชั้นเลิศ แต่ยังได้สัมผัสบรรยากาศที่เงียบสงบ หรูหรา และบริการที่พิถีพิถัน

บรรยากาศ หรูหรา สงบ และเป็นส่วนตัว

เมื่อก้าวเข้าสู่ Ginza Sushi Ichi Bangkok ที่ตั้งอยู่ในย่านเกษรวิลเลจ ใจกลางเมือง สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือความสงบและเป็นส่วนตัว การตกแต่งร้านเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความหรูหราสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม โดยเฉพาะเคาน์เตอร์ไม้ Hinoki แท้ๆ ที่ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ เป็นหัวใจหลักของร้าน แสงไฟสลัวๆ ทอดลงมาอย่างนุ่มนวล สร้างบรรยากาศโรแมนติกที่สมบูรณ์แบบสำหรับคู่รักที่อยากใช้เวลาคุยกันสองต่อสองอย่างสบายๆ ที่นั่งแต่ละตัวจัดวางอย่างมีระยะห่าง เพื่อให้แต่ละคู่ได้รับความเป็นส่วนตัวสูงสุด พนักงานที่นี่ได้รับการอบรมมาอย่างดีเยี่ยม บริการด้วยความสุภาพและใส่ใจในทุกรายละเอียด ทำให้ฟ้ารู้สึกเหมือนเป็นคนพิเศษจริงๆ ตลอดมื้ออาหารจะมีเพลงญี่ปุ่นหรือเพลงคลาสสิกเบาๆ คลอไปเรื่อยๆ ยิ่งเสริมความผ่อนคลายและความโรแมนติกให้เราทั้งคู่ได้ดื่มด่ำกับช่วงเวลาพิเศษนี้อย่างเต็มที่

วัตถุดิบ พรีเมียมขั้นสุด บินตรงจากญี่ปุ่น

หัวใจสำคัญของโอมากาเสะคือวัตถุดิบ และที่ Ginza Sushi Ichi Bangkok คือยืนหนึ่งในเรื่องนี้เลยค่ะ เชฟคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่เกรดพรีเมียมจากตลาดปลา Toyosu ของญี่ปุ่นแบบวันต่อวัน ทำให้ฟ้ามั่นใจได้เลยว่าทุกคำที่ทานคือความอร่อยระดับโลก

ที่นี่ใส่ใจแม้กระทั่งรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อย่างวาซาบิสดที่ขูดใหม่ๆ หรือซีอิ๊วและเกลือที่คัดสรรมาอย่างดี เพื่อดึงรสชาติที่ดีที่สุดของวัตถุดิบออกมา และสาหร่ายที่ใช้ก็กรอบและหอมเป็นพิเศษ เมื่อทานคู่กับข้าวซูชิและปลาแล้วจะได้สัมผัสที่ลงตัวอย่างไม่น่าเชื่อ ปลาตามฤดูกาลหายาก ไม่ว่าจะเป็นปลาทูน่าส่วน Otoro Chutoro ที่มีไขมันแทรกสวยงาม Uni ไข่หอยเม่น หวานมัน หรือปลาเนื้อขาวตามฤดูกาลที่หาทานยาก เช่น Kinmedai Sayori ทุกอย่างคือสุดยอด และถูกนำเสนอในสภาพที่สมบูรณ์ที่สุด ส่วนข้าวที่ใช้ก็เป็นข้าวญี่ปุ่นเกรดดีที่สุด ปรุงรสด้วยน้ำส้มสายชูแดงสูตรเฉพาะ ทำให้มีรสชาติกลมกล่อมและอุณหภูมิที่พอเหมาะเข้ากับเนื้อปลาได้อย่างลงตัว เป็นส่วนประกอบสำคัญที่ช่วยชูรสชาติปลาให้โดดเด่น

ภาพอาหารภายในร้าน Ginza Sushi Ichi Bangkok
ภาพอาหารภายในร้าน Ginza Sushi Ichi Bangkok

รีวิวจากประสบการณ์ตรง

ฟ้าเคยมาเดทที่ Ginza Sushi Ichi Bangkok แล้วคือประทับใจมากๆ ค่ะ บอกเลยว่าคุ้มค่ากับทุกบาทที่จ่ายไปจริงๆ ตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาในร้านก็รู้สึกถึงความพิเศษแล้วค่ะ เชฟบริการดีมาก เล่าเรื่องปลาแต่ละชนิดอย่างละเอียด ทำให้เราอินกับอาหารมากขึ้นไปอีก ปลาสดแบบตะโกน โดยเฉพาะโอโทโร่กับอูนิคือละลายในปากจริงๆ ค่ะ เป็นมื้อเดทที่สร้างความทรงจำดีๆ ให้กับฟ้ากับแฟนมากๆ เลยค่ะ แฟนก็ชอบมาก บอกว่านี่แหละคือประสบการณ์ อาหารญี่ปุ่น ที่แท้จริง ถ้าใครอยากพาแฟนไปดินเนอร์สุดพิเศษ ฟ้าแนะนำที่นี่เลย ไม่ผิดหวังแน่นอน

เวลาทำการ

เปิดทุกวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 11:30 – 14:30 น. และ 17:30 – 22:00 น.

ที่อยู่

3rd Floor,999 Gaysorn Centre Room 3F-08 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

2. Ginzado

ถ้าแฟนเป็นสายเนื้อย่าง หรืออยากทาน อาหารญี่ปุ่น แบบปิ้งย่างพรีเมียม Ginzado คือร้านที่ฟ้าอยากชวนไปเดท ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพเนื้อระดับพรีเมียม และบรรยากาศที่สบายๆ เหมาะกับการปิ้งย่างพร้อมพูดคุยกัน

ภาพร้าน Ginzado
ภาพร้าน Ginzado

เมนูที่ห้ามพลาด: เนื้อคือหัวใจ

แน่นอนว่ามา Ginzado ก็ต้องเน้น “เนื้อย่าง” ที่นี่มีเนื้อให้เลือกหลากหลายชนิด ทั้งเนื้อวากิวญี่ปุ่น และเนื้อวากิวออสเตรเลีย แต่ละชิ้นคือลายสวย ไขมันแทรกดีงาม ทำให้เลือกได้ตามความชอบเลยค่ะ

เนื้อวากิว A5 Japanese Wagyu A5: เนื้อวากิวญี่ปุ่นเกรดพรีเมียมที่สุด ลายสวยงามเหมือนหินอ่อน แค่ย่างแป๊บเดียวก็สุกพอดี เนื้อนุ่มละลายในปาก หอมมันสุดๆ มีทั้ง Karubi เนื้อส่วนซี่โครงที่มีไขมันแทรกสวยงาม รสชาติเข้มข้น และ Ro-su เนื้อสันนอกที่นุ่มและมีรสชาติเป็นเอกลักษณ์

ลิ้นวัว Gyutan: ลิ้นวัวสไลด์บางๆ ย่างบนเตาร้อนๆ เนื้อเด้งๆ กรุบๆ คืออร่อยมาก

เนื้อสันนอก Sirloin: เนื้อสันนอกที่มีความนุ่มและมีรสชาติเข้มข้น ย่างแล้วหอมกลิ่นเนื้อเป็นพิเศษ

ชุดผักรวม: มีชุดผักสดให้เลือกย่างทานคู่กับเนื้อ ช่วยเพิ่มความสดชื่นและตัดเลี่ยน

ข้าวสวยญี่ปุ่น: ข้าวญี่ปุ่นหุงมาได้นุ่มและหอม ทานคู่กับเนื้อย่างคือเข้ากันสุดๆ

น้ำจิ้มยากินิกุ: น้ำจิ้มสูตรเด็ดของร้าน รสชาติเข้มข้น หอมกลิ่นกระเทียมและงา ช่วยเพิ่มรสชาติให้กับเนื้อย่างได้เป็นอย่างดี มีทั้ง Tare Sauce ซอสรสหวานเค็มกลมกล่อม และ Salt & Lemon เกลือและมะนาวสำหรับคนชอบรสชาติเนื้อแท้ๆ

เครื่องเคียง Kimchi & Namul: กิมจิและผักนัมมุลต่างๆ ช่วยเสริมรสชาติและตัดเลี่ยน

รีวิวจากประสบการณ์ตรง

Ginzado คือร้านประจำของฟ้ากับแฟนเวลาอยากกินเนื้อย่างแบบจริงจังเลยค่ะ เนื้อ A5 ของที่นี่คือที่สุดจริงๆ ค่ะ แค่วางบนเตาแป๊บเดียว เนื้อก็เริ่มเยิ้มแล้ว พอเข้าปากคือละลายเลยค่ะ แฟนฟ้าที่เป็นสายเนื้อก็คือฟินมากค่ะ เราสองคนชอบสั่งลิ้นวัวมาทานด้วยกัน เคี้ยวเพลินๆ ค่ะ ที่สำคัญคือระบบดูดควันดีมาก ไม่ต้องกลัวตัวเหม็นเลยค่ะ เป็นเดทที่ได้กินเนื้ออร่อยๆ แบบไม่อั้นเลยค่ะ

พิกัดร้าน

เวลาทำการ

เปิดทุกวัน เวลา 11:30 – 23:00 น.

ที่อยู่

53 1 สุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110

3. Yamazato at The Okura Prestige Bangkok

สำหรับคู่รักที่อยากทาน อาหารญี่ปุ่น แบบดั้งเดิมในบรรยากาศหรูหราพร้อมวิวเมืองสวยๆ Yamazato ที่โรงแรม The Okura Prestige Bangkok คือคำตอบ ร้านนี้ได้รับการยอมรับในเรื่องของอาหาร Kaiseki และ Teppanyaki ที่พิถีพิถัน และการตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเรียวกังญี่ปุ่น

บรรยากาศ: ญี่ปุ่นแท้ๆ พร้อมวิวเมืองที่น่าประทับใจ

Yamazato ตั้งอยู่บนชั้นสูงของโรงแรม The Okura Prestige Bangkok ทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองกรุงเทพฯ ได้อย่างสวยงาม การตกแต่งภายในร้านเป็นสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมที่เรียบหรู มีสวนหินญี่ปุ่นจำลอง และห้องส่วนตัวแบบญี่ปุ่น พร้อมวิวสวยงาม เหมาะกับการเดทที่ต้องการความพิเศษและความสงบ ฟ้าชอบที่นี่เพราะมีโซนสำหรับอาหาร Kaiseki โซน Teppanyaki ที่เชฟจะมาปรุงอาหารให้ชมกันสดๆ และโซนซูชิบาร์ พนักงานบริการด้วยความสุภาพและเป็นมืออาชีพมากๆ ทำให้เรารู้สึกได้รับการดูแลอย่างดีเยี่ยม

เมนูที่ห้ามพลาด: ความประณีตของอาหาร Kaiseki และ Teppanyaki

Yamazato มีชื่อเสียงในเรื่องของอาหาร Kaiseki ซึ่งเป็นคอร์สอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่เน้นความประณีตและการจัดจานที่สวยงาม รวมถึง Teppanyaki ที่เชฟจะมาปรุงอาหารให้ชมกันสดๆ
Kaiseki Course: คอร์สอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่ประกอบด้วยหลายเมนูเล็กๆ เน้นวัตถุดิบตามฤดูกาล การจัดจานที่สวยงาม และรสชาติที่ละเอียดอ่อน เป็นประสบการณ์ที่ต้องลอง
Teppanyaki (เทปปันยากิ): เลือกเนื้อวากิว ซีฟู้ด หรือผักสดต่างๆ ให้เชฟปรุงบนเตาเหล็กร้อนๆ ตรงหน้า กลิ่นหอมๆ และการแสดงของเชฟคืออีกหนึ่งไฮไลต์
ซูชิและซาชิมิ: วัตถุดิบสดใหม่ คุณภาพดี แล่และปั้นโดยเชฟผู้เชี่ยวชาญ
เมนูตามฤดูกาล: เชฟจะคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดตามฤดูกาลมาสร้างสรรค์เมนูพิเศษ ทำให้มีอะไรใหม่ๆ มาให้ได้ลิ้มลองเสมอ

รีวิวจากประสบการณ์ตรง

ฟ้าเคยพาแฟนมาทานที่ Yamazato เพื่อฉลองวันครบรอบค่ะ บรรยากาศคือดีมากกกก เหมือนได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นเลยค่ะ การตกแต่งที่ประณีตทุกมุม บวกกับวิวเมืองที่มองลงมาจากชั้นสูงคือโรแมนติกสุดๆ ฟ้าเลือกทานคอร์ส Kaiseki ซึ่งแต่ละจานคือสวยงามราวกับงานศิลปะ รสชาติก็ละเอียดอ่อนมากๆ ค่ะ ส่วนแฟนชอบ Teppanyaki ที่ได้เห็นเชฟปรุงอาหารตรงหน้า คือสนุกและอร่อยไปพร้อมๆ กัน เป็นมื้อเดทที่ประทับใจไม่รู้ลืมเลยค่ะ

พิกัดร้าน

เวลาทำการ

ทุกวัน จันทร์ – อาทิตย์ เวลา 06:00 – 10:30 น. , 11:30 – 14:30 น. และ 18:30 – 22: 30 น.

ที่อยู่

57 ถ. วิทยุ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330

4. Kappo Tomo

สำหรับคู่รักที่อยากลองประสบการณ์ อาหารญี่ปุ่น ที่แตกต่างจากโอมากาเสะทั่วไป โดยเน้นการปรุงอาหารแบบ Kappo ซึ่งเชฟจะปรุงอาหารหลากหลายเมนูตรงหน้าลูกค้าอย่างพิถีพิถัน และสามารถปรับเปลี่ยนเมนูได้ตามความชอบ Kappo Tomo คือตัวเลือกที่น่าสนใจ ร้านนี้โดดเด่นด้วยการนำเสนอเมนูที่สร้างสรรค์ วัตถุดิบคุณภาพดี และบรรยากาศที่สบายๆ แต่ยังคงความหรูหรา

ภาพร้าน Kappo Tomo
ภาพร้าน Kappo Tomo

บรรยากาศ: สบายๆ เป็นกันเอง แต่ยังคงความหรูหรา

Kappo Tomo มีบรรยากาศที่ผสมผสานความสบายๆ ของร้านอาหารทั่วไปเข้ากับความพิถีพิถันของร้านอาหารไฟน์ไดนิ่ง การตกแต่งร้านเรียบง่ายแต่มีสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์น เน้นโทนสีไม้และแสงไฟอบอุ่น ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเอง แต่ก็ยังคงความพิเศษและความหรูหราไว้ได้อย่างลงตัว การจัดที่นั่งจะเน้นเคาน์เตอร์บาร์ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทานอาหารสไตล์ Kappo ลูกค้าจะได้นั่งใกล้ชิดกับเชฟ และชมทุกขั้นตอนการปรุงอาหารอย่างใกล้ชิด ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่ในห้องครัวส่วนตัวของเชฟ พนักงานให้บริการด้วยความสุภาพและเอาใจใส่ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับเมนูและเครื่องดื่มต่างๆ อย่างเป็นมิตร

ประสบการณ์ Kappo: อร่อย สนุก และได้เรียนรู้

การมาทานอาหารที่ Kappo Tomo คือการได้สัมผัสประสบการณ์ อาหารญี่ปุ่น แบบ Kappo ที่อร่อย สนุก และได้ความรู้ไปพร้อมๆ กัน เชฟจะปรุงอาหารตรงหน้าลูกค้า พร้อมอธิบายถึงที่มาของวัตถุดิบ เทคนิคการปรุง และเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับ อาหารญี่ปุ่น ทำให้มื้ออาหารมีเรื่องราวและน่าสนใจยิ่งขึ้น

รีวิวจากประสบการณ์ตรง

ฟ้าเคยมีโอกาสได้มาทานที่ Kappo Tomo กับแฟนแล้วประทับใจมากๆ ค่ะ เป็นประสบการณ์ อาหารญี่ปุ่น ที่แตกต่างจากโอมากาเสะที่เคยไปมาเลยค่ะ การได้นั่งดูเชฟปรุงอาหารตรงหน้า พร้อมกับได้พูดคุยและสอบถามเกี่ยวกับวัตถุดิบคือสนุกมากค่ะ เชฟเก่งมากๆ ปรุงอะไรก็อร่อยไปหมด วัตถุดิบก็สดใหม่ทุกอย่าง แถมยังสร้างสรรค์เมนูแปลกใหม่มาให้เราได้ลองตลอดเลยค่ะ บรรยากาศร้านก็สบายๆ ไม่ได้เกร็งเหมือนร้านหรูๆ ทั่วไป ทำให้ได้ใช้เวลาดีๆ กับแฟนอย่างเต็มที่ เป็นมื้อเดทที่น่าจดจำและฟ้าอยากกลับไปซ้ำอีกแน่นอนค่ะ

พิกัดร้าน

เวลาทำการ

ทุกวัน เวลา 12:00 – 22:00 น. 

ที่อยู่

1F, Rain Hill, 777 ซอย สุขุมวิท 47 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

5. Robata Kitaro Sushi

สำหรับคู่รักที่ชื่นชอบซูชิสดใหม่และเมนูย่างสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ในราคาที่เข้าถึงได้ Robata Kitaro Sushi สาขาสุขุมวิท 23 คืออีกหนึ่งร้านที่น่าสนใจ ร้านนี้โดดเด่นด้วยซูชิคุณภาพดีที่ราคาเป็นมิตร และเมนูโรบาตะยากิ (อาหารทะเลย่างเกลือบนเตา) ที่หอมอร่อย บรรยากาศสบายๆ เป็นกันเอง เหมาะกับการเดทแบบชิลล์ๆ

ภาพร้าน Robata Kitaro Sushi
ภาพร้าน Robata Kitaro Sushi

บรรยากาศ: สไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ เคาน์เตอร์บาร์ ชมเชฟทำอาหาร

Robata Kitaro Sushi ตกแต่งในสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นกันเอง มีเคาน์เตอร์บาร์ขนาดใหญ่ที่ลูกค้าสามารถนั่งชมเชฟปั้นซูชิและย่างซีฟู้ดได้อย่างใกล้ชิด ทำให้ได้รับประสบการณ์การทานอาหารที่สนุกสนานและมีชีวิตชีวา บรรยากาศภายในร้านจะมีความคึกคักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เสียงดังจนเกินไป ยังคงความเป็นส่วนตัวในการพูดคุยได้อยู่ แสงไฟที่อบอุ่นและการตกแต่งที่เรียบง่ายแต่มีรายละเอียด ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสบายๆ เหมาะกับการมาเดทที่ไม่เป็นทางการมากนัก

ภาพเมนูภายในร้าน robata kitaro sushi
ภาพเมนูภายในร้าน robata kitaro sushi

เมนูที่ห้ามพลาด: ซูชิคำละ 60 บาท และโรบาตะยากิ

ซูชิ (ราคาเริ่มต้น 60 บาทต่อคำ): เป็นไฮไลต์ของร้านที่ทำให้หลายคนติดใจ ด้วยคุณภาพที่เกินราคา ไม่ว่าจะเป็นโอโทโร่ อากามิ แซลมอน ฮามาจิ หรืออูนิ
โรบาตะยากิ: เมนูย่างต่างๆ โดยเฉพาะอาหารทะเลที่ย่างบนเตาถ่านหอมๆ
Crunchy Roll: สำหรับคนชอบซูชิโรลฟิวชั่นก็มีให้เลือกเช่นกัน

รีวิวจากประสบการณ์ตรง

ฟ้าเคยไปลอง Robata Kitaro Sushi กับแฟนมาแล้วค่ะ ประทับใจในความสดของปลามากๆ โดยเฉพาะซูชิคำละ 60 บาทนี่คือคุ้มค่าเกินราคาไปมากจริงๆ ค่ะ โอโทโร่กับอูนิคือดีงามละลายในปากเลย ส่วนโรบาตะยากิก็หอมอร่อยมากๆ ค่ะ บรรยากาศร้านก็สบายๆ ไม่ต้องแต่งตัวจัดเต็มก็ไปได้ ได้นั่งดูเชฟทำอาหารเพลินๆ เป็นอีกร้านที่เหมาะกับการมาเดทแบบชิลล์ๆ ที่อยากเน้นเรื่องอาหารอร่อยๆค่ะ

พิกัดร้าน

ที่อยู่

10 สุขุมวิท 26 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร 10110

การเดินทาง

ทุกวัน เวลา 18:00 – 03:00 น. 

6. Sushi Juban Takumi Thonglor

สำหรับคู่รักที่มองหาประสบการณ์โอมากาเสะระดับพรีเมียมที่รังสรรค์โดยเชฟชาวญี่ปุ่นแท้ๆ ในย่านทองหล่อ ซูชิจูบัน ทาคูมิ สาขาทองหล่อ คืออีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ร้านนี้โดดเด่นด้วยวัตถุดิบคุณภาพสูงที่คัดสรรมาอย่างดี และการนำเสนอเมนูที่ประณีต ทำให้ได้รับประสบการณ์การทานโอมากาเสะที่น่าจดจำ

ภาพร้าน Sushi Juban Takumi Thonglor
ภาพร้าน Sushi Juban Takumi Thonglor

บรรยากาศ: สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม พร้อมห้องส่วนตัว

ซูชิจูบัน ทาคูมิ สาขาทองหล่อ มีการตกแต่งที่ชวนให้นึกถึงประเทศญี่ปุ่น ด้วยการออกแบบทั้งภายนอกและภายในที่เรียบหรูและเป็นเอกลักษณ์ ภายในร้านมีเคาน์เตอร์บาร์กว้างขวางที่ลูกค้าสามารถนั่งชมเชฟชาวญี่ปุ่นปรุงอาหารและปั้นซูชิได้อย่างใกล้ชิด พร้อมเพลิดเพลินกับการพูดคุยกับเชฟ นอกจากนี้ยังมีห้องส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ เหมาะสำหรับคู่รักที่ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงสุดในการฉลองโอกาสพิเศษ บรรยากาศโดยรวมให้ความรู้สึกสงบและเป็นกันเอง ทำให้สามารถดื่มด่ำกับมื้ออาหารได้อย่างเต็มที่

วัตถุดิบ: คัดสรรอย่างพิถีพิถัน สดใหม่ทุกวัน

ซูชิจูบัน ทาคูมิ ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบเป็นอย่างมาก เชฟจะคัดสรรวัตถุดิบสดใหม่และมีคุณภาพสูงจากแหล่งต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อนำมารังสรรค์เมนูโอมากาเสะที่หลากหลายและน่าประทับใจ
ปลาสดใหม่: ปลาหลากหลายชนิดที่ใช้ในการทำซูชิและซาชิมิ ล้วนสดใหม่และมีคุณภาพดี เช่น ปลาหางเหลือง (Hamachi), ปลาโอ (Katsuo) ย่างฟางแบบ Warayaki, ทูน่าส่วน Akami และ Chutoro, ปลา Kinmedai (ปลากะพงแดงตาโต), กุ้งแดง (Aka Ebi) และอื่นๆ
ไข่หอยเม่น (Uni): มี Uni คุณภาพดี เช่น พันธุ์ Bafun ที่สด หวาน และไม่มีกลิ่นคาว
วัตถุดิบตามฤดูกาล: เชฟจะปรับเปลี่ยนเมนูตามวัตถุดิบที่หาได้ตามฤดูกาล ทำให้แต่ละครั้งที่มาทานก็จะได้พบกับเมนูพิเศษที่แตกต่างกันไป

เมนูที่ห้ามพลาด: คอร์สโอมากาเสะพรีเมียม

เมนูหลักของ ซูชิจูบัน ทาคูมิ คือคอร์สโอมากาเสะที่เชฟจะรังสรรค์เมนูให้ตามวัตถุดิบที่ดีที่สุดในแต่ละวัน โดยมีหลายราคาให้เลือกตามความต้องการ
Omakase Sushi Course: มีคอร์สให้เลือกตั้งแต่ 8 ชิ้น, 10 ชิ้น, 12 ชิ้น ไปจนถึงคอร์ส Takumi Omakase และ Premium Summer Omakase ที่เน้นวัตถุดิบพิเศษ
Appetizers: นอกจากซูชิแล้ว ยังมีเมนูเรียกน้ำย่อยที่น่าสนใจ เช่น ซาชิมิรวม, ไข่ตุ๋น Chawanmushi เนื้อปูซูไว, ปลา Amadai ทำเกล็ดกรอบ หรือปลาเก๋า Hatta ซอสมิโสะ
ซูชิเด่นๆ: โอโทโร่, Kinmedai โรยเกลือหิมาลัย, ปลาหมึกกล้วยญี่ปุ่น Yari Ika โรยหน้าด้วย Uni, หอยเชลล์ Hotate และไข่ปลา Ikura เสิร์ฟแบบ Temaki, ทูน่าสับกับ Takuwan (Torotaku Roll)
ของหวาน: ปิดท้ายด้วยของหวานสไตล์ญี่ปุ่นที่เข้ากันได้ดีกับคอร์สโอมากาเสะ

รีวิวจากประสบการณ์ตรง

ฟ้าเคยพาแฟนไปทานโอมากาเสะที่ซูชิจูบัน ทาคูมิ สาขาทองหล่อค่ะ ประทับใจในคุณภาพของวัตถุดิบที่สดใหม่มากๆ ทุกคำที่เชฟปั้นให้คือความประณีตและอร่อยลงตัวจริงๆ ค่ะ เชฟชาวญี่ปุ่นก็เป็นกันเองมากๆ คอยอธิบายเมนูและพูดคุยตลอด ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายและสนุกสนาน ห้องส่วนตัวก็ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการเดทได้ดีมากๆ ค่ะ เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์โอมากาเสะที่คุ้มค่าและน่าจดจำมากๆค่ะ

เวลาทำการ

ทุกวัน เวลา 11:30 – 12:00 น. 

ที่อยู่

36, 1Fl, 1 ซอย พร้อมพรรค แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110

7. Niku Sho

สำหรับคู่รักที่เป็นสายเนื้อย่างพรีเมียม และต้องการประสบการณ์การทานเนื้อที่เหนือระดับ Niku Sho สาขาสุขุมวิท 31 คืออีกหนึ่งร้านที่ฟ้าอยากแนะนำ ร้านนี้โดดเด่นด้วยการคัดสรรเนื้อวากิวคุณภาพสูงจากญี่ปุ่น โดยเฉพาะเนื้อ A5 ที่นำมาย่างแบบยาคินิคุในสไตล์โอมากาเสะ ทำให้ได้ลิ้มรสชาติเนื้อที่ดีที่สุดในแต่ละส่วน พร้อมการบริการที่พิถีพิถัน

ภาพร้าน Niku Sho
ภาพร้าน Niku Sho

บรรยากาศ: หรูหรา สงบ และเป็นส่วนตัว เหมาะกับคนรักเนื้อ

Niku Sho มีการตกแต่งที่เรียบหรูและทันสมัย เน้นโทนสีอบอุ่นและแสงไฟสลัวๆ ช่วยสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว เหมาะสำหรับการมาเดทที่ต้องการความพิเศษและดื่มด่ำกับรสชาติของเนื้ออย่างเต็มที่ ที่นั่งแต่ละโซนมีการจัดแบ่งอย่างดี ไม่รู้สึกแออัด มีระบบดูดควันที่ดีเยี่ยม ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นควันติดตัวหลังทานอาหาร

วัตถุดิบ: เนื้อวากิว A5 คือหัวใจหลัก

หัวใจสำคัญของ Niku Sho คือ “เนื้อวากิว” ที่คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยเฉพาะเนื้อวากิวญี่ปุ่น A5 ซึ่งเป็นเกรดสูงสุด เชฟจะนำเนื้อแต่ละส่วนมาแล่และจัดเตรียมอย่างประณีต พร้อมแนะนำวิธีการย่างที่เหมาะสม เพื่อดึงรสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุดของเนื้อออกมา
เนื้อวากิว A5: มีเนื้อส่วนต่างๆ ให้เลือกมากมาย เช่น Sirloin (สันนอก), Tenderloin (สันใน), Karubi (เนื้อซี่โครง) ซึ่งแต่ละส่วนก็มีรสชาติและไขมันแทรกที่แตกต่างกันไป
ซีฟู้ดและผักสด: นอกจากเนื้อแล้ว ยังมีซีฟู้ดสดใหม่ และชุดผักสำหรับย่างที่คัดสรรมาอย่างดี เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับมื้ออาหาร
ข้าวสวยญี่ปุ่น: ข้าวญี่ปุ่นที่หุงมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทานคู่กับเนื้อย่างคือเข้ากันสุดๆ

รีวิวจากประสบการณ์ตรง

ฟ้าเคยพาแฟนไปเดทที่ Niku Sho สุขุมวิท 31 มาแล้วค่ะ คือประทับใจมากๆ ค่ะสำหรับคนรักเนื้ออย่างฟ้าและแฟน ร้านนี้คือสวรรค์เลยค่ะ เนื้อวากิว A5 ของที่นี่คือสุดยอดจริงๆ ลายสวยงามราวกับงานศิลปะ พอได้ย่างเองตามคำแนะนำของพนักงานคือเนื้อนุ่มละลายในปาก หอมมันแบบสุดๆ ระบบดูดควันก็ดีเยี่ยม ไม่ต้องกลัวผมหรือเสื้อเหม็นเลยค่ะ บรรยากาศร้านก็หรูหราแต่ไม่เกร็ง ทำให้ได้ใช้เวลาดีๆ กับแฟนอย่างเต็มที่ เป็นเดทที่คุ้มค่าและประทับใจมากๆ สำหรับสายเนื้อค่ะ

ภาพภายในร้าน Niku Sho
ภาพภายในร้าน Niku Sho

พิกัดร้าน

เวลาทำการ

ทุกวัน เวลา 11:00 – 22:00 น. 

ที่อยู่

12 ซ. สุขุมวิท 31 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร 10110